กลโกธา หมายความว่าอะไร?

กลโกธาคือสถานที่นอกกำแพงเมืองโบราณกรุงเยรูซาเล็ม ประเทศอิสราเอล เชื่อกันว่าเป็นเนินเขาเล็กๆ ที่พระเยซูถูกตรึงและถูกฝังไว้ จึงเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับคริสเตียน

พื้นที่นี้เคยถูกใช้เป็นสถานที่ประหารชีวิตโดยชาวโรมัน ซึ่งใช้การตรึงกางเขนเป็นวิธีการลงโทษอย่างโหดร้ายต่อกบฏ ขโมย และผู้ที่ต่อต้านอำนาจโรมัน โดยมักจะตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ เพื่อให้การประหารชีวิตกลายเป็นการแสดงสาธารณะ เป็นสถานที่แห่งความทรมานและความตาย

แต่หลังจากการสิ้นพระชนม์และการฟื้นคืนพระชนม์ของพระเยซู กลโกธาจึงกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งการไถ่บาปและความรอด

คำว่า "Calvary" ยังสามารถหมายถึง "ความทุกข์ทรมานอย่างรุนแรง" เพราะเหตุการณ์ที่พระเยซูต้องเผชิญ อีกชื่อหนึ่งของกลโกธาคือ โกลโกธา (Golgotha) ซึ่งแปลว่า “สถานที่แห่งกะโหลก” ในภาษาอราเมอิก (ภาษาที่พูดในซีเรีย อิรัก ตุรกี และเลบานอน)

ชื่อนี้อาจเกิดจากลักษณะของเนินเขาที่ดูคล้ายกะโหลกศีรษะ หรืออาจมาจากการเป็นสถานที่ประหารชีวิต ซึ่งมีซากกะโหลกเหลืออยู่ และตามธรรมเนียมของชาวยิว บางคนเชื่อว่าเป็นที่ฝังกะโหลกของอาดัม มนุษย์คนแรกที่พระเจ้าทรงสร้าง

ในปี ค.ศ. 326 นักบุญเฮเลนา มารดาของจักรพรรดิคอนสแตนติน ได้ระบุว่ากลโกธาคือสถานที่ที่พระเยซูถูกตรึงและถูกฝัง ทุกวันนี้สถานที่นี้ยังสามารถเยี่ยมชมได้ และถือเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดแห่งหนึ่งของคริสต์ศาสนา โดยเฉพาะในวันศุกร์ประเสริฐ

พระเยซูถูกตรึงกางเขนด้วยเหตุผลทั้งด้านศาสนาและการเมือง การสิ้นพระชนม์ของพระองค์เป็นผลมาจากการต่อต้านของผู้นำศาสนายิวและอำนาจกฎหมายของโรม อย่างไรก็ตาม คริสเตียนเชื่อว่านี่คือแผนการของพระเจ้าเพื่อไถ่มนุษย์

ผู้นำศาสนายิวเห็นว่าพระเยซูเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของพวกเขา เพราะพระองค์อ้างว่าทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า ซึ่งถือว่าเป็นการดูหมิ่นศาสนา และทรงสอนว่าความรอดมาจากความเชื่อ ไม่ใช่แค่การรักษากฎบัญญัติเท่านั้น เมื่อพระเยซูได้รับความนิยมมากขึ้น ผู้นำยิวก็กลัวว่าจะสูญเสียอิทธิพล

นอกจากนี้ พระเยซูยังถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามต่ออำนาจของโรม เพราะบางคนมองว่าพระองค์เป็นผู้นำกบฏ แม้ปีลาต ผู้ว่าราชการโรมัน จะไม่พบความผิด แต่ถูกกดดันจากผู้นำศาสนาให้ตรึงพระเยซู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการจลาจล เขาจึงยอมให้มีการตรึงพระองค์

ในมุมมองของคริสเตียน นี่คือแผนการของพระเจ้ามาตั้งแต่ต้น ในพันธสัญญาเดิมมีการถวายสัตว์เพื่อชำระบาป แต่เหตุการณ์นี้ พระเยซูทรงกลายเป็น “เครื่องบูชาสูงสุด” โดยการสิ้นพระชนม์ที่กางเขน พระองค์รับโทษบาปของมนุษย์ไว้ทั้งหมด ทำให้การอภัยบาปและการคืนดีกับพระเจ้ากลับมาเป็นไปได้

ไม้กางเขนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดของคริสต์ศาสนา เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่กลโกธา ไม้กางเขนเป็นการเรียกร้องให้กลับใจ รับการอภัย และมีความเชื่อว่าพระเยซูคือพระผู้ช่วยให้รอด

สำหรับคริสเตียน ไม้กางเขนเป็นเครื่องเตือนใจถึงความเจ็บปวดของพระเยซู แต่ก็ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง การไถ่บาป และพระคุณของพระเจ้า

กลโกธายังคงมีอิทธิพลต่อศิลปะ วรรณกรรม ภาพยนตร์ และปรัชญา เพราะมันสื่อถึงสิ่งที่ลึกซึ้งเกินกว่าประวัติศาสตร์ เป็นเรื่องราวที่สะท้อนประสบการณ์ของมนุษย์อย่างลึกซึ้ง ทั้งความเจ็บปวด ความรัก และความหวัง

เช่น ในศิลปะยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา จิตรกรอย่าง มิเคลันเจโล ราฟาเอล และรูเบนส์ ได้วาดภาพการตรึงกางเขนอย่างวิจิตร แสดงถึงความเจ็บปวดและฤทธานุภาพของพระเจ้า

ในวรรณกรรม เช่น Paradise Lost ของจอห์น มิลตัน ในศตวรรษที่ 17 ได้พูดถึงการตรึงกางเขนว่าเป็นจุดเปลี่ยนของประวัติศาสตร์

มีภาพยนตร์และซีรีส์มากมายเกี่ยวกับพระเยซู เช่น ชีวิตของพระเยซูคริสต์ และ The Chosen

กลโกธาเป็นจุดสูงสุดของพันธกิจของพระเยซูบนโลก คริสเตียนเชื่อว่านี่คือการเติมเต็มแผนแห่งความรอดของพระเจ้า การตรึงกางเขนของพระเยซูคือการถวายพระชนม์เป็นเครื่องบูชา พระองค์รับบาปของโลกไว้ และทำให้มนุษย์คืนดีกับพระเจ้าได้อีกครั้ง

คำว่า Calvary หรือ "โกลโกธา" (Golgotha) ปรากฏอยู่ในพระกิตติคุณทั้งสี่เล่มในพระคัมภีร์ ซึ่งอยู่ในพันธสัญญาใหม่ตอนต้น เหตุการณ์การตรึงกางเขนของพระเยซูที่กลโกธานั้น ถือเป็นการเติมเต็มคำพยากรณ์จากพันธสัญญาเดิมเกี่ยวกับการไถ่บาปของมนุษย์

พระคัมภีร์กล่าวไว้ใน: มัทธิว 27:33 "เมื่อมาถึงที่หนึ่งซึ่งเรียกว่ากลโกธา แปลว่าที่กะโหลกศีรษะ" คำว่า "โกลโกธา" (Golgotha) ก็คืออีกชื่อหนึ่งของกลโกธา (Calvary)

ลูกา 23:33-34 "เมื่อไปถึงสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่ากะโหลกศีรษะ เขาก็ตรึงพระองค์ไว้ที่นั่นบนกางเขนพร้อมกับผู้ร้ายสองคนนั้น ข้างขวาคนหนึ่งข้างซ้ายคนหนึ่ง พระเยซูตรัสว่า “พระบิดาเจ้าข้า ขอทรงยกโทษพวกเขาเพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร” แล้วพวกเขาก็เอาฉลองพระองค์มาจับฉลากแบ่งกัน" เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความรักและการให้อภัยของพระเยซู แม้ในขณะที่พระองค์กำลังถูกทรมานและสิ้นพระชนม์ ยอห์น

ยอห์น 3:16 ข้อพระคัมภีร์นี้เป็นข้อความที่รู้จักกันทั่วโลก และมักถูกนำไปใช้ในหลากหลายสื่อ ทั้งธุรกิจและแพลตฟอร์มออนไลน์ เนื้อหาว่า: "เพราะพระเจ้าทรงรักโลก จึงได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์" ข้อความนี้เป็นหัวใจของข่าวประเสริฐ และเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่กลโกธา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรักอันยิ่งใหญ่ของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ทุกคน

กลโกธาจึงไม่ใช่แค่สถานที่ทางประวัติศาสตร์เท่านั้น แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความรัก การให้อภัย และความรอด ตามแผนการของพระเจ้าที่เปิดทางให้มนุษย์คืนดีกับพระองค์ได้