• TH
    • AR Arabic
    • CS Czech
    • DE German
    • EN English
    • ES Spanish
    • FA Farsi
    • FR French
    • HI Hindi
    • HI English (India)
    • HU Hungarian
    • HY Armenian
    • ID Bahasa
    • IT Italian
    • JA Japanese
    • KO Korean
    • MG Malagasy
    • MM Burmese
    • NL Dutch
    • NL Flemish
    • NO Norwegian
    • PT Portuguese
    • RO Romanian
    • RU Russian
    • SV Swedish
    • TA Tamil
    • TH Thai
    • TL Tagalog
    • TL Taglish
    • TR Turkish
    • UK Ukrainian
    • UR Urdu
พระเยซู

คนเลี้ยงแกะ: เมื่อข่าวดีที่สุดถูกส่งถึงผู้ที่ต่ำต้อยที่สุด

เคยรู้สึกไหม? ว่าตัวเองไม่ดีพอ ไม่สะอาดพอ หรือมี "เป็นคนที่มีมลทิน" เกินกว่าที่พระเจ้าจะสนใจ? หรือบางครั้งคุณอาจรู้สึกว่าเทศกาลคริสต์มาสเป็นเรื่องไกลตัว เป็นเพียงงานฉลองของคนที่ชีวิตสมบูรณ์แบบ แต่สำหรับคนที่กำลังดิ้นรนอย่างเรา... มันช่างดูเลือนลางเหลือเกิน

เราทุกคนต่างเคยผ่านจุดที่ถูกปฏิเสธ ถูกมองข้าม หรือถูกตัดสินจากภายนอก การมองข้ามแก่นแท้ของเรื่องราวในคืนศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่ได้ทำให้เราพลาดแค่ประวัติศาสตร์ แต่มันทำให้เราพลาด "ความหวัง" ที่ถูกส่งมาเพื่อเยียวยาหัวใจที่แตกสลายโดยเฉพาะ

บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกหนังสั้นเรื่อง "The Shepherd" (คนเลี้ยงแกะ) จุดเริ่มต้นของซีรีส์ The Chosen ที่จะเปลี่ยนมุมมองของคุณที่มีต่อคืนคริสต์มาสไปตลอดกาล ผ่านสายตาของชายพิการผู้ถูกสังคมรังเกียจ

สรุปประเด็นสำคัญสำหรับผู้อ่านที่มีเวลาน้อย:

  • บริบทสังคม: คนเลี้ยงแกะในยุคนั้นคือชนชั้นต่ำสุด ถูกมองว่ามีมลทิน

  • ความเจ็บปวด: เรื่องราวของ "ไซม่อน" คนเลี้ยงแกะขาพิการที่ถูกปุโรหิตปฏิเสธเครื่องบูชา

  • จุดเปลี่ยน: การให้น้ำดื่มแก่คนแปลกหน้า (โยเซฟและมารีย์) โดยไม่รู้ตัว

  • ปาฏิหาริย์: ทูตสวรรค์เลือกคนที่มี "ตำหนิ" เป็นกลุ่มแรกเพื่อรับข่าวดี

  • ความหมายที่แท้จริง: พระเยซูคือ "ลูกแกะที่ไร้ตำหนิ" ที่มาแทนที่ความไม่สมบูรณ์ของเรา

ทำไมต้องเป็น "คนเลี้ยงแกะ" ? ตัวเลือกที่ไม่น่าเป็นไปได้

เพื่อจะเข้าใจความยิ่งใหญ่ของคืนคริสต์มาส เราต้องเข้าใจบริบทความเจ็บปวดเสียก่อน

ในยุคที่พระเยซูประสูติ คนเลี้ยงแกะไม่ได้เป็นอาชีพที่น่ารักเหมือนในละครคริสต์มาสโรงเรียน แต่พวกเขาถือเป็น "ชนชั้นต่ำสุดของสังคม" (หรือเรียกอีกอย่างชนชั้นชายขอบของสังคม) พวกเขาทำงานกับสัตว์ สกปรก กลิ่นตัวเหม็น และถูกมองว่า "มีมลทิน" ทางศาสนาเพราะการงานของพวกเขาทำให้ไม่สามารถรักษาความบริสุทธิ์ตามกฎหมายของโมเสสได้ ทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถเข้าร่วมพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ได้ อีกทั้งไร้สถานะทางสังคมคำให้การของพวกเขาไม่มีน้ำหนักในชั้นศาล เพราะถูกมองว่าไม่น่าเชื่อถือ

ความสิ้นหวังพวกเขาจึงเชื่อตามที่สังคมบอกว่าพระเจ้าได้ลืมพวกเขาไปนานแล้วแต่ความย้อนแย้งที่งดงามที่สุดคือ พระเจ้าเลือกคนกลุ่มนี้กลุ่มคนที่ถูกมองว่า "ไม่เคร่งศาสนา" เป็นแขกกลุ่มแรกในงานเลี้ยงวันเกิดของพระบุตรของพระองค์ นี่คือรากฐานที่บอกว่า คริสต์มาสไม่ใช่เรื่องของความสมบูรณ์แบบแต่เป็นเรื่องของพระคุณ

4 บทเรียนเปลี่ยนชีวิตจากเรื่องราวของไซม่อน

เรื่องราวของไซม่อนสะท้อนภาพชีวิตของพวกเราหลายคน และนี่คือสิ่งที่เราเรียนรู้ได้:

1. พระเจ้ามองเห็นคุณ แม้ในวันที่โลกหันหลังให้
เหตุการณ์: ไซม่อนพยายามนำลูกแกะที่ดีที่สุดไปถวายที่ธรรมศาลา แต่ปุโรหิตกลับไล่เขาออกมาเพียงเพราะขาหลังของแกะมีรอยเปื้อน และด่าทอเขาว่า "ลูกแกะตัวนี้ใช้ไม่ได้ มันมีมลทิน... เหมือนเจ้าของมันนั่นแหละ" บทเรียน: โลกอาจตัดสินคุณจาก "รอยเปื้อน" หรือความล้มเหลวในอดีต แต่พระเจ้าไม่เคยมองข้ามความตั้งใจของคุณ ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธโดยมนุษย์ มักเป็นจุดเริ่มต้นที่พระเจ้าจะเข้ามาโอบอุ้ม

2. ความเมตตาเล็กน้อย นำไปสู่การพบเจอที่ยิ่งใหญ่
เหตุการณ์: ขณะที่ไซม่อนนั่งหมดหวัง เขาพบกับคู่สามีภรรยา (โยเซฟและมารีย์) ที่หลงทาง แม้เขาจะเจ็บปวดและเหนื่อยล้า แต่เขายังแบ่งปันน้ำดื่มและชี้ทางให้ บทเรียน: ไซม่อนไม่รู้เลยว่าหญิงท้องแก่ที่เขาช่วยไว้นั้นกำลังอุ้มพระผู้ช่วยให้รอด การทำดีต่อคนเล็กน้อยหรือคนแปลกหน้า คือหัวใจสำคัญของการรับใช้พระเจ้า

3. ข่าวดีมาถึงท่ามกลางความมืดมิด
เหตุการณ์:
เพื่อนคนเลี้ยงแกะเยาะเย้ยไซม่อนที่ยังอ่านม้วนหนังสือพระคัมภีร์ โดยบอกว่า "พระเจ้าทิ้งเราไปนานแล้ว" แต่ทันใดนั้น ทูตสวรรค์ก็ปรากฏขึ้นพร้อมประโยคที่ว่า "อย่ากลัวเลย เพราะดูเถิด เรานำข่าวดีแห่งความชื่นชมยินดีอย่างยิ่งมาบอก" บทเรียน: เมื่อคุณรู้สึกว่าพระเจ้าเงียบที่สุด หรือสถานการณ์เลวร้ายที่สุด นั่นมักเป็นเวลาก่อนรุ่งสาง ความหวัง (ผ่านพระวจนะ) ที่ไซม่อนยึดถือ เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวเขาไว้จนถึงวันที่คำสัญญาเป็นจริง

4. พระเยซูคือ "ลูกแกะที่สมบูรณ์" แทนเรา
เหตุการณ์:
เมื่อไซม่อนไปถึงโรงนาและเห็นทารกน้อย เขาพูดด้วยน้ำตาว่า "ลูกแกะ... ที่ไร้ตำหนิ" บทเรียน: ไซม่อนเคยเจ็บปวดเพราะลูกแกะของเขา "ไม่ดีพอ" ที่จะลบล้างบาป แต่ในรางหญ้านั้น พระเยซูทรงเป็นลูกแกะของพระเจ้าที่สมบูรณ์พร้อม พระองค์มาเพื่อไถ่เรา ผู้ซึ่งมีตำหนิ ให้กลับมาบริสุทธิ์

เปลี่ยนจากการ "อ่าน" เป็นการ "สัมผัส"

คุณสามารถอ่านบทความนี้แล้วเข้าใจแก่นเรื่องได้ แต่การได้เห็นสายตาที่เจ็บปวดของไซม่อน หรือวินาทีที่เขาเห็นทูตสวรรค์ด้วยตาของคุณเอง จะสร้างแรงสั่นสะเทือนในหัวใจที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

หากคุณต้องการสัมผัสความตื้นตันใจที่ไซม่อนรู้สึก หรือต้องการเห็นภาพว่าข่าวประเสริฐเริ่มต้นที่จุดต่ำสุดได้อย่างไร...

วิดีโอหนังสั้น "The Shepherd" (ความยาว 21 นาที) คือประตูบานนั้น คุณสามารถรับชมได้ฟรีทันทีบน Jesus.net และนี่อาจเป็น 20 นาทีที่คุ้มค่าที่สุดในเทศกาลคริสต์มาสปีนี้ของคุณ

3 ข้อผิดพลาดที่ทำให้เราพลาดความหมายของคริสต์มาส

เพื่อให้คุณได้รับพระพรอย่างเต็มที่ อย่าติดกับดักทางความคิดเหล่านี้เหมือนตัวละครในเรื่อง:

1.เป็นเหมือนปุโรหิต: ตัดสินคนอื่นจากภายนอก หรือมองว่าคนที่ "มีตำหนิ" ไม่คู่ควรกับพระเจ้า

2.เป็นเหมือนเพื่อนคนเลี้ยงแกะ: เยาะเย้ยความเชื่อ และยอมจำนนต่อความสิ้นหวังว่า "พระเจ้าคงไม่มาหาคนอย่างเรา"

3.มัวแต่ห่วง "แกะ": เมื่อข่าวดีมาถึง ไซม่อนทิ้งทุกอย่าง (แม้แต่ความเจ็บปวด) เพื่อไปหาพระเยซู อย่าให้ภาระงานหรือความกังวลรั้งคุณไว้จากการเข้าเฝ้าพระองค์

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q: "The Shepherd" คือจุดเริ่มต้นของซีรีส์ The Chosen จริงหรือไม่?
A: ใช่ครับ หนังสั้นเรื่องนี้เป็นโปรเจกต์ต้นแบบที่ ดัลลัส เจนกินส์ ทำขึ้นให้โบสถ์ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกระแสและนำไปสู่การระดมทุนเพื่อสร้างซีรีส์ The Chosen ทั้งหมด

Q: ทำไมขาของไซม่อนถึงหายเจ็บในฉากสุดท้าย?
A: นี่คือปาฏิหาริย์ที่ผู้สร้างใส่เข้ามาเพื่อสื่อถึงการเยียวยาที่มาพร้อมกับการประสูติของพระเมสสิยาห์ การเยียวยานี้เกิดขึ้นทันทีที่ไซม่อนแสดงความเชื่อด้วยการ "ทิ้งไม้เท้า" และ "ออกวิ่ง" ไปหาพระกุมาร

Q: คำพูดสุดท้ายของไซม่อน "ข้าต้องไปป่าวประกาศ" หมายความว่าอย่างไร?
A: หลังจากที่เขาได้รับการเยียวยาทั้งทางร่างกาย (ขาหายเจ็บ) และจิตใจ (ได้รับการยอมรับจากพระเมสสิยาห์) เขาไม่อาจเก็บข่าวดีนี้ไว้กับตัวเองได้อีกต่อไป เป็นการตอบสนองตามพันธกิจของคริสเตียนทุกคน

บทสรุป

ในตอนจบของเรื่อง ไซม่อนผู้ซึ่งเคยเดินกะเผลกด้วยความเจ็บปวด ได้วิ่งออกจากโรงนาด้วยความเปรมปรีดิ์ พร้อมตะโกนว่า " ข้าต้องไปป่าวประกาศ ! "

คริสต์มาสไม่ใช่เทศกาลของการเฉลิมฉลองความสมบูรณ์แบบ แต่เป็นการเฉลิมฉลองที่ "ความสว่างอันยิ่งใหญ่" ส่องมาถึงผู้ที่เดินอยู่ในความมืดมิด ไม่ว่าคุณจะมีบาดแผลหรือรอยเปื้อนแค่ไหน จำไว้ว่า... พระองค์อยู่ที่นี่เพื่อคุณ

พร้อมที่จะรับชมเรื่องราวเต็มๆ หรือยัง? [คลิกที่นี่เพื่อดู "The Shepherd"] และเริ่มต้นเทศกาลแห่งความหวังอย่างแท้จริง