การอ่านพระวจนะเป็นแหล่งแห่งความชื่นชมยินดี

เราจะมาพูดคุยกันต่อเกี่ยวกับพระธรรมสดุดี 1 ฉันหวังว่ามันจะเป็นพระพรแก่คุณ
พระคัมภีร์กล่าวว่า "บุคคลผู้เป็นสุขคือ ผู้ไม่เดินตามคำแนะนำของคนอธรรม ไม่ยืนอยู่ในทางของคนบาป ไม่นั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ เขาใคร่ครวญธรรมบัญญัติของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน" (สดุดี 1:1-2)
การใคร่ครวญถึงพระวจนะของพระเจ้าทั้งกลางวันและกลางคืน? นั่นไม่น่าเบื่อไปหน่อยหรือ? ไม่เลย ข้อพระคัมภีร์นี้กล่าวว่า ผู้เขียนพระธรรมสดุดีพบความปีติยินดีในธรรมบัญญัติของพระเจ้า กล่าวคือ มันทำให้จิตวิญญาณของเขาดีขึ้น และนำความชื่นชมยินดีพร้อมกับความรู้สึกพึงพอใจมาให้ เขายังกล่าวด้วยว่า เขาพบว่า …ในพระหัตถ์ขวาของพระองค์มีความเพลิดเพลินอยู่เป็นนิตย์ (ดู สดุดี 16:11)
ดังนั้น การใคร่ครวญถึงพระวจนะคืออะไร?มันคือการพิจารณา แล้วพิจารณาอีกครั้ง ในใจของคุณ มันคล้ายกับการเคี้ยวหมากฝรั่ง ตอนแรกอาจจะเคี้ยวยากหน่อย แต่เมื่อเวลาผ่านไป มันก็จะง่ายขึ้นเรื่อยๆ และแล้วคุณก็เริ่มเพลิดเพลินไปกับมัน
เราอ่าน คิด และอธิษฐานเกี่ยวกับข้อพระคัมภีร์นั้นซ้ำแล้วซ้ำอีก "เคี้ยว" ไปเรื่อยๆเป็นเวลาหลายชั่วโมง หลายวัน หรืออาจจะหลายสัปดาห์ แล้วจู่ๆ พระคำก็ส่องสว่างขึ้นในบางสถานการณ์ในชีวิตของเรา นั่นคือพระวจนะของพระเจ้าที่มีชีวิต นั่นคือสิ่งที่สดุดี 119:130 กล่าวไว้ "การอธิบายพระวจนะของพระองค์ให้ความสว่าง ทั้งให้ความเข้าใจแก่คนรู้น้อย"
พระวจนะของพระเจ้านั้นมีชีวิตและทรงพลานุภาพอยู่เสมอ (ดู ฮีบรู 4:12)
พระวจนะของพระเจ้าเป็นโคมสำหรับเท้าของเรา และเป็นความสว่างสำหรับชีวิตของเรา
มาขอบพระคุณพระเจ้าด้วยกันสำหรับพระวจนะอันน่าอัศจรรย์ของพระองค์ "พระเจ้า ขอบพระคุณสำหรับพระวจนะของพระองค์ พระวจนะที่นำความชื่นชมยินดีมาสู่ลูก พระวจนะที่นำทางลูก ลูกต้องการใคร่ครวญถึงพระคำของพระองค์ทุกวัน ทุกขณะ ลูกไม่อยากพลาดขุมทรัพย์ที่พระองค์มีไว้สำหรับลูกในพระคัมภีร์ ลูกอธิษฐานขอให้พระคำเปลี่ยนแปลงลูก และทำงานในตัวลูก เพื่อที่ทุกวัน ลูกจะเป็นเหมือนพระองค์มากขึ้นเรื่อยๆ ในพระนามพระเยซู เอเมน"
คุณคือการอัศจรรย์
.png)
