อย่าให้ความสงสัยมีอิทธิพลเหนือคุณ
ใครๆก็มีความสงสัยกันทั้งนั้นแหละ เช่น พระเจ้าใส่ใจฉันจริงๆหรอ? วันหนึ่งพระเจ้าจะทิ้งฉันไปไหมนะ? เป็นต้น
จริงๆแล้ว ความสงสัยเป็นธรรมชาติมนุษย์ แล้วพระเจ้าจะลงโทษฉันไหมนะที่ฉันสงสัย? ไม่เลย ความสงสัยของคุณไม่เป็นปัญหาสำหรับพระเจ้าเลย มันเป็นส่วนหนึ่งของความเป็นมนุษย์ของคุณ แม้แต่สาวกที่อยู่ใกล้ชิดพระเยซูมาตลอด 3 ปี ในช่วงที่พระเยซูอยู่บนโลกก็ยังมีความสงสัย อย่างเช่น เปโตร ผู้ที่ประกาศชัดว่าพระเยซูคือ พระเมสสิยาห์ พระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์ (ดู มัทธิว 16:16) เขาก็ยังสงสัยจนเกือบทำให้ตัวเองจมน้ำ (ดู มัทธิว 14:31)
ให้คุณรู้ไว้ว่า…
- ความสงสัยของคุณไม่เป็นปัญหาสำหรับพระเจ้า ตราบใดที่คุณยังคงวางความสงสัยนั้นไว้ที่พระเจ้า เพราะฉะนั้น อย่าเก็บความสงสัยไว้ในใจ แล้วอนุญาตให้มันวิ่งวนไปวนมาอยู่ในความคิดของคุณ แต่เมื่อคุณมอบมันให้กับพระเจ้า เท่ากับว่าคุณได้หยุด ไม่ให้มันมีอิทธิพลและอำนาจต่อคุณได้อีก
- อย่าให้เสียงของความสงสัยดังกว่าเสียงของพระเจ้า ให้พระเจ้าเป็นผู้พูดกับคุณ เพราะพระเจ้าทรงรู้ว่า จะทำให้คุณกลับมามั่นใจ และใส่สันติสุขของพระองค์ไว้ในใจของคุณได้อย่างไร ฉันชอบพระคำที่บอกว่า… “จงวางใจในพระยาห์เวห์เป็นนิตย์ เพราะยาห์คือพระยาห์เวห์ ทรงเป็นศิลานิรันดร์” (อิสยาห์ 26:4)
คุณพี่น้อง อย่าปล่อยให้ความสงสัยของคุณส่งเสียงดังจนเกินไปนะคะ
ฉันหนุนใจคุณวันนี้ว่า… ไม่ต้องสงสัย แต่ให้วางใจในพระเจ้าแทน จงขอการช่วยเหลือจากพระเยซู แล้วเลือกที่จะไว้วางใจในพระเจ้าผู้เป็นศิลานิรันดร์ พระองค์ผู้ทรงแข็งแกร่งและไม่หวั่นไหว จะทรงประทานความสงบสุขและสันติสุขที่คุณต้องการแก่คุณ ความสงสัยของคุณจะต้องหนีไปจำเพาะพระพักตร์พระองค์
คุณคือการอัศจรรย์
.png)