การยอมจำนนคือชัยชนะ

การยอมจำนน… เป็นคำที่มักมีความหมายในแง่ลบ เป็นภาพของการละทิ้ง การยกธงขาว การล้มเลิก มันไม่ได้ทำให้เรานึกถึงความโล่งใจ ความสงบ หรือความยินดีเลย
เราอาจติดอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง เพราะเรากำลังต่อสู้ในสนามรบที่ผิดสิ่งที่ขัดขวางเรานั้น อาจเกิดจากการที่เราใช้พลัง และความสนใจไปกับสนามรบที่ไม่ถูกต้องเราวุ่นวายกับการวางแผน คิดกลยุทธ์ แล้วสุดท้ายก็กระโจนเข้าสู่อุปสรรคอีกครั้งเราต่อสู้ด้วยความคิดของเรา แทนที่จะพึ่งพาพระวจนะและพระวิญญาณของพระเจ้า
แล้วเราก็อาจพูดกับพระเจ้าว่า “ทำไมล่ะพระเจ้า? พระองค์ไม่รู้ดีกว่าใครหรือว่าลูกต้องการอะไร? พระองค์ไม่รู้หรือว่า ทุกอย่างจะสายเกินไปแล้ว? ทำไมพระองค์ไม่เปิดประตูบานนี้ ทั้งที่มันน่าจะง่ายมากสำหรับพระองค์?” คำพูดและความคิดเหล่านี้ ฉันเองก็เคยพูดกับพระเจ้าเช่นกัน
พระเจ้าเป็นผู้ทรงรอบรู้… พระองค์ทรงรู้ทุกอย่าง ดังนั้นพระองค์ต้องทราบว่าอะไรที่กำลังขวางทางคุณอยู่
พระเจ้าเป็นผู้ทรงฤทธานุภาพ… พระองค์ทรงสามารถกระทำทุกอย่างได้ดังนั้นพระองค์สามารถดำเนินการและแทรกแซงได้
แต่พระเจ้าพระองค์นี้ ผู้ทรงรู้ทุกสิ่ง และสามารถทำทุกสิ่งได้ ก็ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงรักคุณมากยิ่งกว่าสิ่งใด และด้วยความรักของพระองค์ พระองค์ทรงรู้ว่าทำไมพระองค์จึงทรงอนุญาตให้ “ประตูบานนี้” ยังคงปิดอยู่...
พระคัมภีร์กล่าวว่า “จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า แล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น” (สุภาษิต 3:5-6)
การยอมจำนนที่เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้า คือ เมื่อคุณหยุดต่อสู้เพื่อให้แผนการของตนเองสำเร็จ และกลับกัน ยอมมอบตัวเองทั้งหมดไว้กับองค์ผู้ทรงฤทธานุภาพ คือการปรารถนาสิ่งที่พระเจ้าทรงปรารถนา คือการเลือกที่จะหยุดต่อสู้กับพระองค์ และหันมาถามว่า “พระเจ้า พระองค์กำลังจะตรัสอะไรกับลูก? พระองค์กำลังจะสอนอะไร? พระองค์ทรงต้องการใช้ลูกอย่างไร?”
ถ้าคุณต้องการยอมจำนนต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า และวางเจตจำนงของคุณไว้ในพระหัตถ์ของพระองค์
ฉันขอเชิญคุณอธิษฐานร่วมกันว่า… “ขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์ ไม่ใช่ของลูก พระเจ้า ลูกปรารถนาน้ำพระทัยของพระองค์ เพราะน้ำพระทัยของพระองค์ คือแผนการที่สมบูรณ์แบบสำหรับชีวิตของลูก ลูกขอให้พระองค์เติมเต็มหัวใจของลูกขอให้น้ำพระทัยของพระองค์กลายเป็นความปรารถนาของลูกขอทรงช่วยให้ลูกหยุดต่อสู้เพื่อสิ่งที่ลูกต้องการ ขอทรงช่วยให้ลูกดำเนินชีวิตด้วยความเข้าใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า ถ้าสิ่งใดควรจะเกิดขึ้น มันจะเกิดขึ้นตามแผนจากสวรรค์ของพระองค์สิ่งเดียวที่ลูกต้องทำ คือทำในสิ่งที่พระองค์ตรัสกับลูก ที่เหลือพระองค์จะทรงจัดการเองในพระนามพระเยซู เอเมน”
คุณคือการอัศจรรย์
.png)
