ใจที่ขอบพระคุณ

เรามาต่อกันในชุดบทความเรื่อง “ความใกล้ชิดและการเติบโตในองค์พระผู้เป็นเจ้า”
พระคัมภีร์ได้หนุนใจเราอยู่บ่อยครั้ง ให้พัฒนาความสัมพันธ์ของเรากับพระเยซู ดังนั้น ชีวิตคริสเตียนจึงไม่ใช่แค่การยอมรับพระองค์ ว่าเป็นองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ช่วยให้รอดเท่านั้น แต่เป็นการดำเนินชีวิตร่วมกับพระองค์ การหยั่งรากในพระวจนะของพระองค์ ยึดมั่นในความจริงของพระองค์ และสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าทรงเรียกร้องจากเราก็คือ “การมีใจที่ขอบพระคุณ”
“เพราะฉะนั้น ในเมื่อพวกท่านรับพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าไว้แล้ว ก็จงดำเนินชีวิตในพระองค์ด้วย จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และจงให้การขอบพระคุณทวียิ่งขึ้น” (โคโลสี 2:6-7)
ความชื่นชมยินดีในสิ่งที่ผ่านมา สิ่งที่เป็นอยู่ และสิ่งที่จะเกิดขึ้น จะช่วยให้เรายึดมั่นอยู่ในความสัตย์ซื่อของพระเจ้า และเปิดตาเราให้เห็นถึงพระพรต่างๆ ที่เราอาจเคยมองข้าม เช่น…
- แสงแดดที่ส่องผ่านหน้าต่าง
- สีสันสดใสของท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตก
- เสียงกระซิบเล่าเรื่องตลกของเด็กๆ พร้อมเสียงหัวเราะ
- คู่สมรสที่ยอมเสียสละเวลาไปทิ้งขยะให้ทุกวัน
- และสิ่งเล็กๆ อีกมากมาย...
เช่นเดียวกับที่พระเยซูได้ขอบพระคุณพระเจ้า ก่อนที่ขนมปังและปลาจะได้รับการทวีคูณอย่างอัศจรรย์ การอัศจรรย์จะมาถึงเมื่อเรารู้จักการขอบพระคุณ
แต่ยิ่งไปกว่านั้น การปลูกฝังท่าทีที่ขอบพระคุณจะนำเราให้เข้าใกล้พระทัยของพระเจ้า และช่วยให้เราเห็นคุณค่าความรัก และความสัตย์ซื่อของพระองค์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
คำท้าทายของฉันสำหรับคุณในวันนี้ คือ หยิบสมุดบันทึกหรือมือถือของคุณขึ้นมา แล้วเขียนอย่างน้อย 10 สิ่งที่คุณรู้สึกขอบพระคุณ และจากนั้น...ขอบพระคุณพระเจ้าสำหรับสิ่งเหล่านั้น
คุณคือการอัศจรรย์
.png)
