การใคร่ครวญพระคำหมายความว่าอย่างไร?

“บุคคลผู้เป็นสุขคือ ผู้ไม่เดินตามคำแนะนำของคนอธรรม ไม่ยืนอยู่ในทางของคนบาป ไม่นั่งอยู่ในที่นั่งของคนที่ชอบเยาะเย้ย แต่ความปีติยินดีของผู้นั้นอยู่ในธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ เขาใคร่ครวญธรรมบัญญัติของพระองค์ทั้งกลางวันและกลางคืน เขาเป็นเหมือนต้นไม้ที่ปลูกไว้ริมธารน้ำ ซึ่งเกิดผลตามฤดูกาล และใบก็ไม่เหี่ยวแห้ง ทุกอย่างที่เขาทำก็จำเริญขึ้น” (สดุดี 1:1-3)
การภาวนาหรือใคร่ครวญพระคำ เป็นการปล่อยให้พระเจ้าทรงสลักความคิดของพระองค์ …ลงในจิตใจของคุณ ไม่ใช่การอ่านแบบเร่งรีบ แต่คือการใคร่ครวญไตร่ตรอง ต่อถ้อยคำจากพระเจ้าอย่างเจาะจงเพียงข้อเดียว หรือความคิดฝ่ายวิญญาณที่พระองค์ประทานให้
ขอให้คุณลองจินตนาการถึงการเคี้ยวหมากฝรั่ง การใคร่ครวญพระคำก็คล้ายๆ กัน คุณเอาเข้าปาก แล้วเคี้ยวนานๆ ปล่อยให้มันกลิ้งไปมาในทุกทิศทางในปากของคุณ แน่นอนว่า พระวจนะของพระเจ้ามีค่าล้ำกว่าหมากฝรั่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
ฉันอยากบอกความลับกับคุณว่า พระเจ้าทรงรักษาพระสัญญา พระองค์สัตย์ซื่อต่อพระวจนะของพระองค์ พระคัมภีร์บอกเราว่า “พระเจ้าทรงไม่ใช่มนุษย์ที่จะมุสา…” (กันดารวิถี 23:19)
นี่คือเหตุผลที่ฉันส่งข้อพระคัมภีร์มาถึงคุณเสมอผ่าน “อัศจรรย์เกิดขึ้นได้ทุกวัน” เพราะพระคำของพระเจ้าไม่เพียงมีพลังสัมผัสใจคุณ แต่ยังสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตคุณได้จริงอีกด้วย
จงเลือกพระคัมภีร์สักข้อหนึ่ง แล้วนำมาใคร่ครวญในใจของคุณ ประกาศออกมาดังๆ และประกาศซ้ำอีกครั้ง สิ่งนี้จะให้ความหวังแก่คุณ และเปิดทางให้พระสัญญาของพระเจ้าปรากฏในชีวิตของคุณ
จงทูลกับพระเจ้าสูงสุดว่า “นี่คือสิ่งที่พระคำของพระองค์ที่ทรงตรัสไว้" แล้วอ้างข้อพระคัมภีร์นั้นที่คุณได้รับมา จากนั้นประกาศว่า “ลูกเชื่อ ลูกอยากจะดำเนินชีวิตตามนั้น เพราะพระองค์ไม่ใช่มนุษย์ที่จะมุสา”
ฉันขอฝากข้อพระคัมภีร์ให้คุณใช้เป็นการฝึกใคร่ครวญพระคำ ดังนี้
“แต่พระยาห์เวห์ทรงอยู่กับข้าพเจ้าดังนักรบที่น่าเกรงขาม เพราะฉะนั้น บรรดาผู้ข่มเหงข้าพเจ้าจะสะดุด พวกเขาจะไม่ชนะข้าพเจ้า เขาจะอับอายอย่างยิ่ง เพราะเขาทำไม่สำเร็จ ความอัปยศอดสูเป็นนิตย์ของเขานั้น จะไม่มีวันถูกลืม” (เยเรมีย์ 20:11)
และอย่าลังเลที่จะเลือกข้อพระคัมภีร์อื่น ที่ตรงกับสถานการณ์ของคุณมากกว่าอีกก็ได้ ขอพระพรจงมีแก่คุณในวันนี้
คุณคือการอัศจรรย์
.png)
