พระเจ้าคือใคร?
พระผู้ทรงฤทธานุภาพ? เป็นเพียงตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อปลอบประโลมผู้อ่อนแอ? พระผู้สร้างสวรรค์และโลก? พระบิดาผู้ทรงรัก? หากคุณถามคำถามว่าพระเจ้าคือใครกับประชาชนบนท้องถนนในเมือง คุณจะได้ยินคำตอบที่แตกต่างกันนับพัน
มุมมองเกี่ยวกับพระเจ้านั้นแตกต่างกันอย่างมากจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่ง จากความเชื่อสู่ความไม่เชื่อ และจากวัฒนธรรมหนึ่งสู่อีกวัฒนธรรมหนึ่ง ประสบการณ์ชีวิตและการเลี้ยงดูเป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งของอิทธิพลส่วนบุคคลที่มีต่อคำถามนี้

มีคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่?
บางคนอาจกล่าวว่าไม่สามารถรู้จักพระเจ้าได้ แต่นั่นไม่เป็นความจริง เราไม่สามารถเปรียบเทียบพระองค์กับสิ่งใดได้ ไม่มีมนุษย์คนใดบนโลกที่มีภาพที่สมบูรณ์ทั้งหมด แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรพยายาม และข่าวดีที่สุดก็คือพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะให้คุณได้รู้จักพระองค์
ดังนั้น แม้ว่าในบางแง่มุมพระองค์จะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถรู้จักได้อย่างถ่องแท้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าไม่มีสิ่งใดที่เราสามารถรู้เกี่ยวกับพระองค์ได้เลย ที่จริงแล้วพระองค์ทรงดำเนินการอย่างถึงที่สุดเพื่อให้คุณได้รู้จักพระองค์ ซึ่งเราจะได้กล่าวถึงเรื่องนี้ในภายหลัง
พระเจ้าเปรียบเสมือนปริซึมหรือเพชรที่มีหลายเหลี่ยมมุม
คุณเคยเห็นเพชรหรือปริซึมอย่างใกล้ชิดหรือไม่? เช่นเดียวกับอัญมณีอันงดงามเหล่านี้ พระเจ้าทรงดำรงอยู่ในหลากหลายแง่มุม พระองค์ไม่สามารถถูกจำกัดไว้ในภาพเดียว และมุมมองรวมถึงประสบการณ์ชีวิตของคุณเองจะส่งผลต่อวิธีที่คุณมองเห็นพระองค์ แต่เนื่องจากพระเจ้าทรงปรารถนาที่จะให้เรารู้จักพระองค์ พระองค์จึงได้ประทานภาพหรือวิธีการต่างๆ มากมายเพื่อช่วยให้เราเข้าใจว่าพระองค์ทรงเป็นเช่นไรได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
นั่นคือสิ่งที่น่าหลงใหลเกี่ยวกับพระเจ้าโดยเฉพาะ พระองค์ทรงมีหลายแง่มุมและหลากหลายสีสัน คุณนสามารถสำรวจว่าพระองค์ทรงเป็นใครได้ตลอดทั้งชีวิตโดยไม่มีวันเบื่อ เพื่อที่จะพิจารณารายละเอียดเหล่านี้ เราจะใช้พระคัมภีร์และแบ่งปันเรื่องราวรวมถึงข้อคิดเชิงลึกจากคริสเตียน
คำแนะนำเบื้องต้น
คำแนะนำเบื้องต้น
ครั้งหนึ่งพระเจ้าทรงแนะนำพระองค์เองด้วยพระนามว่า “เราเป็น” ในภาษาฮีบรู (ภาษาของชาวยิว) พระนามนั้นถูกเรียกว่า “ยาห์เวห์” หรือ YHWH ถึงแม้ว่าชาวยิวจะไม่เคยออกเสียงพระนามของพระองค์ดังๆ เนื่องจากพระเจ้าทรงบริสุทธิ์อย่างยิ่งจนไม่สามารถถูกจำกัดไว้ในพระนามเดียวได้ YHWH ปรากฏในพระคัมภีร์มากถึง 7,000 ครั้ง ในภาษาอังกฤษมักจะเขียนว่า “Lord” หรือ “I Am” พระคัมภีร์ยังเต็มไปด้วยพระนามต่างๆ ของพระเจ้าที่พยายามอธิบายถึงพระองค์ เช่น พระผู้ทรงจัดเตรียม พระผู้ทรงรักษา พระผู้ทรงสร้างสันติ พระผู้เลี้ยง หรือพระผู้สร้าง ทั้งหมดนี้เป็นเพียงประกายเล็กๆ ของพระลักษณะของพระองค์
พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่
มาเริ่มต้นที่ปฐมกาล จุดเริ่มต้นที่แท้จริงนั่นนคือพระเจ้าทรงดำรงอยู่มาตลอด นานก่อนที่โลกจะถูกสร้างขึ้น คริสเตียนเชื่อว่าพระเจ้าทรงสร้างจักรวาลและโลก พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ออกแบบผู้ทรงปัญญา พระองค์ทรงเป็นสถาปนิกเหนือธรรมชาติผู้ทรงสร้างสรรค์สวรรค์และแผ่นดินโลกอย่างชำนาญ
หากจักรวาลอันมีระเบียบและความแม่นยำนับล้านเท่านี้เป็นผลมาจากความบังเอิญที่ไร้ทิศทาง นั่นก็เหมือนกับการที่โรงพิมพ์ระเบิดและตัวอักษรทั้งหมดตกลงบนพื้นกลับมาเรียงตัวเป็นพจนานุกรมที่สมบูรณ์แบบและไร้ที่ติ
สำหรับนักวิทยาศาสตร์จำนวนมาก ทฤษฎีวิวัฒนาการยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด สิ่งที่ถูกประกาศอย่างกว้างขวางมาเป็นเวลานานว่าเป็น "ข้อเท็จจริงทางวิทยาศาสตร์" นั้น ที่จริงแล้วเป็นเพียงทฤษฎีที่สังคมยอมรับเท่านั้น
ในที่สุดแล้ว สิ่งต่างๆ จะเกิดขึ้นมาจากความว่างเปล่าได้อย่างไร? แล้วเรื่องดีเอ็นเอของเราล่ะ? โลกเชื่อมโยงกันด้วยค่าคงที่ทางธรรมชาติต่างๆ เช่น แรงโน้มถ่วงและแกนหมุนของโลก การเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็อาจทำให้ชีวิตบนโลกเป็นไปไม่ได้ ลองดูที่ National Geographic ได้นำเสนอ 6 สิ่งที่ทำให้ชีวิตบนโลกเป็นไปได้ โลกและร่างกายมนุษย์นั้นซับซ้อนมาก คุณจะเชื่อหรือไม่ว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงความบังเอิญ?
ในปฐมกาล
ในปฐมกาล
พระคำแรกในพระคัมภีร์คือ: “ในปฐมกาล พระเจ้าทรงเนรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน แผ่นดินก็ร้างและว่างเปล่า ความมืดอยู่เหนือน้ำ และพระวิญญาณของพระเจ้าทรงปกอยู่เหนือน้ำนั้น” พระธรรมปฐมกาลได้บรรยายรายละเอียดถึงลำดับการทรงสร้างโลก คำว่าปฐมกาลมีความหมายว่า “การเกิดขึ้น” หรือ “การสร้าง”
เริ่มแรกพระองค์ทรงสร้างความสว่างและความมืด จากนั้นทรงแยกแผ่นดินออกจากท้องฟ้า แล้วทรงแยกน้ำและแผ่นดิน และพืชก็เริ่มเติบโต ต่อมาทรงสร้างดวงจันทร์และดวงดาว จากนั้นทรงสร้างสัตว์ในทะเลและในอากาศ และสัตว์บนบก ในฐานะที่เป็นสุดยอดแห่งการทรงสร้าง พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ คุณสามารถอ่านเรื่องราวการทรงสร้างจากพระธรรมปฐมกาลฉบับสมบูรณ์ได้ที่นี่
สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้นในเวลา 7 วันจริงหรือไม่? ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นพ้องต้องกันในเรื่องนี้ แต่บางทีนั่นอาจไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญคือแก่นแท้: พระเจ้าทรงเป็นพระผู้สร้าง และหากนั่นเป็นความจริง มันก็จะให้ทิศทางต่อคำถามสำคัญของชีวิต เช่น: อะไรคือความหมายของการดำรงอยู่? ฉันคือใคร?
พระเจ้าทรงสถิตใกล้
พระผู้สร้างฟ้าสวรรค์และแผ่นดินโลกทั้งหมดนั้นฟังดูห่างไกลมาก... บ่อยครั้งผู้คนมีภาพของพระเจ้าที่ประทับบนบัลลังก์ในสวรรค์ ทรงมองดูพวกเราด้วยความโกรธที่ทำให้การทรงสร้างอันงดงามของพระองค์วุ่นวาย อย่างไรก็ตาม พระคัมภีร์เต็มไปด้วยเรื่องราวของพระเจ้าที่ทรงสถิตใกล้ชิดผู้คน พระองค์ตรัสกับผู้คนโดยตรง เช่น ในเรื่องราวของโมเสส
พระนามของพระองค์ไม่ได้เป็น YHWH โดยไร้เหตุผล พระองค์เองตรัสว่า “เราอยู่ที่นี่” ในที่นี้และเดี๋ยวนี้ไม่ใช่เพียงแค่ในสมัยพระคัมภีร์เท่านั้น แต่ในปัจจุบันคริสเตียนก็ยังสัมผัสถึงพระเจ้าอย่างใกล้ชิด พวกเขาพูดคุยกับพระองค์และแบ่งปันทั้งความกังวลและความชื่นชมยินดีของพวกเขา พวกเขาทำเช่นนี้ผ่านการอธิษฐาน และพระเจ้าไม่เพียงแต่ทรงรับฟังเท่านั้น พระองค์มักจะทรงตอบด้วย
พระเจ้าทรงเป็นพระบิดา
คุณสามารถมองพระเจ้าในฐานะพระบิดาได้เช่นกัน พระคัมภีร์มักกล่าวถึงพระองค์ในฐานะพระบิดา “บิดาสงสารบุตรของตนฉันใด พระยาห์เวห์ทรงสงสารคนที่ยำเกรงพระองค์ฉันนั้น” (สดุดี 103:13) พันธสัญญาใหม่เต็มไปด้วยการอ้างอิงถึงพระองค์ในฐานะพระบิดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพระเยซูทรงถูกเรียกว่าพระบุตรของพระเจ้าในพระคัมภีร์
พระเจ้าทรงเป็นพระบิดาเช่นไร? สำหรับหลายคน นี่เป็นหัวข้อที่ละเอียดอ่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพราะพวกเขาไม่เคยมีพ่อที่รักพวกเขาในชีวิตจริง หากคุณต้องเผชิญกับความรุนแรง การทารุณกรรม หรือการถูกทอดทิ้ง สิ่งเหล่านี้จะบดบังมุมมองของคุณที่มีต่อพระเจ้าในฐานะพระบิดา ดังนั้น ประสบการณ์ส่วนตัวของคุณที่มีต่อพ่อจึงมีผลต่อภาพลักษณ์ที่คุณมีต่อพระเจ้า
คุณสามารถมองพระเจ้าในฐานะพระบิดาที่ทรงห่วงใยบุตรของพระองค์ ผู้ทรงปรารถนาที่จะรู้ว่าคุณคิดอะไรอยู่ และต้องการให้คุณพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มที่ พระองค์ทรงชื่นชมยินดีที่จะใช้เวลากับคุณ พระองค์ทรงต้องการสอนค่านิยมให้คุณเพื่อให้คุณยืนหยัดอย่างมั่นคง และพร้อมที่จะช่วยเหลือผู้อื่น
เช่นเดียวกับพ่อทั่วไปบนโลกนี้ พระองค์อาจทรงพระพิโรธได้หากคุณไม่ยอมฟังหรือทำสิ่งที่โง่เขลา เพราะพระองค์ทรงต้องการปกป้องคุณ พระองค์ทรงปรารถนาที่จะได้รับการปฏิบัติด้วยความเคารพเช่นกัน คุณเป็นส่วนหนึ่งของพระองค์และพระองค์ทรงเป็นส่วนหนึ่งของคุณ เชื่อมโยงกันตลอดไป
หากคุณต้องการพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้ หรือแบ่งปันเรื่องราวของคุณหรือไม่? ที่ปรึกษาออนไลน์ของเรายินดีรับฟังคุณ
พระเจ้าทรงเป็นความรัก
หากกำลังมองหาคำตอบที่สั้นที่สุดสำหรับคำถามที่ว่า: พระเจ้าคือใคร? คำตอบก็คือ: ความรัก ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข นี่คือบทสรุปสั้นๆ ของพระคัมภีร์ทั้งเล่มใน
พระคัมภีร์ใช้คำในภาษากรีกว่า “อากาเป้” (Agapè): ความรักที่มอบให้โดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ พระธรรมยอห์นได้อธิบายความรักนี้ไว้อย่างละเอียด “ให้เรารักซึ่งกันและกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า เรารักพระเจ้าเพราะพระองค์ทรงรักเราก่อน”
หนึ่งในพระคำที่ถูกอ่านอย่างแพร่หลายที่สุดคือ “เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์” (ยอห์น 3:16) ความรักนี้ให้มุมมองที่แตกต่างต่อชีวิตของเรา เพราะความรักของพระองค์ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงชีวิตของเราบนโลกนี้ แต่ยังครอบคลุมถึงชีวิตหลังความตาย พระองค์ทรงปรารถนาที่จะเชื่อมโยงกับเราตลอดไป พระคำนี้ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทของพระเยซู เพราะเราไม่สามารถพูดถึงพระเจ้าโดยไม่พูดถึงพระเยซู และในทางกลับกันเรื่องของพระเยซูก็ต้องพูดเรื่องของพระเจ้าด้วยเช่นกัน
พระเจ้าคือพระเยซู
หากคุณต้องการที่จะรู้จักพระเจ้าอย่างแท้จริง คุณจำเป็นต้องมองที่พระเยซู พระคัมภีร์พันธสัญญาใหม่ได้บรรยายถึงชีวิตของพระองค์ พระดำรัส และการอัศจรรย์ของพระองค์อย่างละเอียด ในนั้นคุณจะเห็นบางสิ่งเกี่ยวกับความรักของพระเจ้าที่มีต่อมนุษย์ พระเยซูทรงเผชิญหน้ากับเจ้าหน้าที่ทางศาสนาในสมัยนั้น พระองค์ทรงสนับสนุนความจริงใจ ความยุติธรรม และการดูแลซึ่งกันและกัน
พระเยซูทรงถูกอธิบายว่าเป็นพระบุตรของพระเจ้า ดังนั้นจึงทรงเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด พระเจ้าไม่เคยเสด็จมาใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน พระองค์ทรงทุ่มเททุกสิ่งเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์ของพระองค์กับมนุษย์ อยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับพระเยซูหรือไม่? อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับชีวิตและพระดำรัสของพระองค์ได้ที่นี่
พระเจ้าทรงมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
พระเจ้าอาจทรงเป็นพระผู้สร้างผู้ยิ่งใหญ่ของโลกเราและทรงปรารถนาที่จะใกล้ชิดกับมนุษย์ แต่มนุษย์ต้องการเช่นนั้นด้วยหรือไม่? ในโลกตะวันตก บางครั้งมีทฤษฎีว่าพระเจ้าสิ้นพระชนม์แล้ว ล้าสมัย และถูกสร้างขึ้นเพียงเพื่อให้ผู้คนมีที่ยึดเหนี่ยวในชีวิตแต่อย่าเข้าใจผิด มากกว่า 32% ของประชากรโลกเชื่อในพระเจ้าของพระคัมภีร์ รวมทั้งหมด 84% ของประชากรโลกนับถือศาสนาที่มีพระเจ้าหรือเทพเจ้ามีบทบาท ดูเหมือนว่าจิตสำนึกและความปรารถนาที่จะมีพระเจ้านั้นฝังลึกอยู่ในมนุษย์
พระองค์ไม่เคยทรงย่อท้อ พระองค์ทรงมั่นคง แม้ว่าผู้คนจะไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับพระองค์ หรือไม่ยอมฟัง หรือแม้แต่เยาะเย้ยพระองค์ พระเจ้าทรงหาหนทางเสมอที่จะทำให้ความสัมพันธ์ถูกต้อง ในพระคัมภีร์คุณจะอ่านเรื่องราวมากมายของบรรดาผู้เผยพระวจนะ พวกเขาถูกส่งออกไปเพื่อบอกผู้คนให้ดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระเจ้า บ่อยครั้งพวกเขาเตือนว่าชีวิตที่ปราศจากพระองค์นั้นมืดมนและตายแล้ว หนึ่งในผู้เผยพระวจนะที่มีชื่อเสียงที่สุดในพระคัมภีร์อาจเป็น “โยนาห์”
นี่คือเหตุผลที่พระเยซูทรงมีบทบาทสำคัญในความเชื่อของคริสเตียน การเสด็จมาของพระเยซูได้เปลี่ยนแปลงโลกอย่างสิ้นเชิง พระเจ้าทรงต้องการแสดงให้เห็นว่าพระองค์ทรงอยู่ใกล้และทรงรักมนุษย์มากเพียงใด การสิ้นพระชนม์ของพระเยซูในวันศุกร์ประเสริฐถือเป็นการเสียสละ การเสียสละเพื่อทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าและมนุษย์ถูกต้อง แต่พระองค์ทรงเข้มแข็งกว่าความตายมาก ในวันอีสเตอร์ พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์และนับจากนั้นมา ทุกสิ่งก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง สาวกและพยานของพระองค์ไม่อาจนิ่งเงียบได้อีกต่อไปและบอกกล่าวแก่ทุกคนในทุกที่ว่า: พระเยซูทรงพระชนม์อยู่! พระเจ้าคือความรัก พระองค์ทรงทำทุกสิ่งเพื่อให้มนุษย์รู้สึกว่าพระองค์ทรงสถิตอยู่และทรงรักพวกเขา
แต่พระองค์ทรงให้มนุษย์มีทางเลือกเสมอ: คุณต้องการรู้จักพระองค์หรือไม่? พระองค์ไม่สามารถและจะไม่บังคับผู้ใด เพราะไม่มีใครสามารถถูกบังคับให้รักได้ แต่พระเจ้าจะไม่ทรงยอมแพ้ พระองค์ทรงปรารถนาให้ทุกคนบนโลกรู้ว่าพวกเขาเป็นที่รัก
พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลง
พระเจ้าไม่ทรงเปลี่ยนแปลงพระองค์ทรงเป็นเช่นเดิมเสมอ ทั้งในปัจจุบัน อดีต และอนาคต พระเจ้าที่คุณอ่านเกี่ยวกับพระองค์ในพระคัมภีร์ก็ยังทรงเป็นเช่นเดิม “ในพระองค์ไม่มีการแปรปรวนหรือเงาของการเปลี่ยนแปลง” ยากอบ 1:17 เมื่อคุณอ่านเกี่ยวกับการรักษาโรค อาจดูเหมือนเป็นเรื่องในอดีต แต่คุณจะประหลาดใจที่มีผู้คนมากมายในปัจจุบันกล่าวว่าพระองค์ทรงรักษาพวกเขา เมื่อคุณอ่านเกี่ยวกับพระเจ้าผู้ทรงลงโทษ พระองค์ก็ยังทรงเป็นผู้เดียวกันที่ทรงพระพิโรธแม้กระทั่งทุกวันนี้เมื่อมีความอยุติธรรมในโลกนี้ และถ้าคุณอ่านเกี่ยวกับพระบิดาผู้ทรงรัก พระองค์ก็ยังทรงแสวงหาคุณในวันนี้ อย่าถูกหลอกให้คิดว่าพระคัมภีร์เป็นเพียงหนังสือเก่าที่เต็มไปด้วยฝุ่นของอดีต เรื่องราวเกี่ยวกับพระเจ้ามักจะสามารถประยุกต์ใช้กับชีวิตในปัจจุบันได้เป็นอย่างดี
ความคงเส้นคงวาตลอดประวัติศาสตร์
แน่นอนว่าคุณต้องระลึกไว้ว่าเราอ่านพระคัมภีร์จากกระแสความคิด วัฒนธรรมที่แตกต่าง และด้วยประสบการณ์ของเราเอง บางครั้งอาจดูเหมือนว่าพระเจ้าทรงเปลี่ยนแปลงไปแล้ว แต่ที่จริงแล้วมนุษย์ต่างหากที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ผู้ที่คงเส้นคงวาเสมออาจดูน่าเบื่อหรือเคร่งครัดเกินไป แต่เหนือสิ่งอื่นใด สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพระเจ้าทรงเป็นที่ไว้วางใจได้ พระสัญญาของพระองค์คือจะไม่ทรงทอดทิ้งเราเลย และไม่ว่าเราจะทำสิ่งใด พระองค์จะไม่ทรงเปลี่ยนพระทัย พระประสงค์ของพระองค์ที่จะมีความสัมพันธ์กับเราเป็นสิ่งที่คงเส้นคงวาตลอดประวัติศาสตร์
พระเจ้าทรงสะท้อนพระองค์เองในตัวคุณ ทั้งในสิ่งที่คุณเป็น วิธีที่คุณถูกสร้างขึ้นมา ความต้องการและความปรารถนาของคุณ ดังนั้นพระองค์อาจทรงอยู่ใกล้กว่าที่คุณคิด ลองค้นพบว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ใด และคุณเป็นใคร