วันเสด็จสู่สวรรค์
คุณเคยสูญเสียเพื่อนหรือบุคคลอันเป็นที่รักในชีวิตหรือไม่? คุณยังจดจำช่วงเวลาใดที่มีคุณค่าหรือประทับใจที่สุดได้บ้าง? สำหรับบางคน ช่วงเวลาสุดท้ายที่ได้ใช้ร่วมกันกับบุคคลอันเป็นที่รักอาจเป็นความทรงจำล้ำค่าที่สุด และมักเป็นสิ่งที่ผุดขึ้นในใจเมื่อระลึกถึงเขาหรือเธออีกครั้ง

การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูคริสต์อาจเป็นประสบการณ์ในลักษณะเดียวกันสำหรับเหล่าสาวกของพระองค์ เป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่พวกเขาได้อยู่กับพระองค์ ผู้เป็นพระสหายอันล้ำค่า เป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เห็นพระองค์ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับขึ้นสู่สวรรค์ คริสเตียนจำนวนมากทั่วโลกจึงระลึกถึงเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้ แล้วอะไรคือสาระสำคัญของวันเสด็จสู่สวรรค์? และเหตุใดจึงสำคัญยิ่งต่อคริสเตียน… รวมถึงกับคุณด้วย?
เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านั้น?
พระเยซูและสาวกของพระองค์ได้ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมาย พวกเขาร่วมเดินทางไปทั่วแผ่นดินอิสราเอลเป็นเวลา 3 ปี ได้เห็นพระเยซูเทศนา ทำการอัศจรรย์ และรักษาผู้เจ็บป่วย พวกเขาอยู่ในเหตุการณ์เมื่อพระเยซูทรงได้รับการต้อนรับเสมือนกษัตริย์ในกรุงเยรูซาเล็มในวันอาทิตย์ทางตาล พวกเขาเห็นพระองค์กระทำการที่ท้าทายในพระวิหาร และได้ฟังพระดำรัสของพระองค์เกี่ยวกับความยุติธรรม และการให้อภัย
ในวันพฤหัสบดีศักดิ์สิทธิ์ พวกเขาได้ร่วมรับประทานอาหารค่ำมื้อสุดท้ายกับพระเยซู พวกเขารู้สึกสลดใจเมื่อเห็นพระองค์ถูกจับกุม ทรมาน และถูกตัดสินโทษ แม้ว่าพระองค์จะทรงบริสุทธิ์อย่างสิ้นเชิง และพวกเขาเป็นพยานถึงการสิ้นพระชนม์อย่างน่าสยดสยองของพระเยซูบนไม้กางเขนในวันศุกร์ประเสริฐ และได้รับความประหลาดใจอย่างยิ่งเมื่อพบว่าพระองค์ทรงคืนพระชนม์จากความตายในอีก 3 วันต่อมาในวันอีสเตอร์
“เราจะไปหาพระบิดา”
หลังจากที่พระเยซูทรงฟื้นคืนพระชนม์ พระองค์ใช้เวลา 40 วันอยู่กับเหล่าสาวก ทรงสอนพวกเขาให้เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น และความหมายของสิ่งเหล่านั้น ตามที่กล่าวไว้ในพระธรรมกิจการ พระเยซูทรงนำพวกเขาไปยังภูเขามะกอกเทศ ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นอวยพร แล้วพระองค์ก็ทรงถูกยกขึ้นสู่ท้องฟ้าในขณะที่เหล่าสาวกของพระองค์ยืนดู และเมฆได้ปกคลุมพระองค์จนลับตา
ขณะพวกเขายืนจ้องมองฟ้าอยู่ สองทูตสวรรค์ได้ปรากฏและกล่าวว่า:
“ชาวกาลิลีเอ๋ย ทำไมพวกท่านถึงยืนจ้องมองฟ้าสวรรค์? พระเยซูองค์นี้ที่ทรงรับไปจากท่านทั้งหลายขึ้นไปยังสวรรค์นั้น จะเสด็จมาอีกในลักษณะเดียวกับที่ท่านทั้งหลายได้เห็นพระองค์เสด็จไปยังสวรรค์นั้น”
— กิจการ 1:11
ความหมายของวันเสด็จสู่สวรรค์
บางคนอาจสงสัยว่า “ทำไมวันเสด็จสู่สวรรค์นี้จึงสำคัญนักสำหรับคริสเตียน?”
การที่พระเยซูทรงถูกยกขึ้นต่อหน้าต่อต่ผู้คนมากมายนั้นมีความหมายลึกซึ้งกว่าที่หลายคนคิด
ประการแรก ความจริงที่พระเยซูเสด็จขึ้นด้วยพระกายพระองค์ที่ฟื้นขึ้นจากความตายนั้นสำคัญมาก พระองค์ยังคงอยู่ในรูปร่างของมนุษย์แม้จะแตกต่างจากเดิม แต่ก็ยังเป็นรูปกายทางกายภาพไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฟิ้นกลับมาด้วยสภาวะวิญญาณเลือนลางและไม่มีร่างกายเนื้อหนัง เพราะสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าพระองค์เสด็จไปข้างหน้าเราก่อน และในวันหนึ่งทุกคนที่เชื่อในพระองค์จะได้รับร่างกายใหม่ที่ได้รับการไถ่เช่นเดียวกันกับพระองค์
อีกทั้ง พระเยซูจะทรงอยู่ในพระกายนี้ตลอดไป นั่นหมายความว่า พระองค์ได้ทรงไถ่ร่างกายที่อ่อนแอ เสื่อมถอย และเจ็บป่วยนี้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งเป็นข่าวดีที่ให้ความหวังแก่เราทุกคนที่ยังคงอยู่ในโลกที่ยังไม่สมบูรณ์
ประการต่อมา พระคัมภีร์บันทึกไว้อย่างชัดเจนว่า พระเยซูในพระกายของพระองค์เสด็จสู่สวรรค์ และทรงประทับ ณ เบื้องขวาของพระบิดาในฐานะผู้ทรงเกียรติ อำนาจ และฤทธานุภาพ และย้ำเตือนอีกครั้งหนึ่งว่า พระองค์เองไม่ได้อันตรธานหายตัวไปกลางอากาศ
และอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญคือ พระเยซูได้ตรัสแก่เหล่าสาวกว่า:
“อย่างไรก็ตามเราจะบอกความจริงกับพวกท่าน คือการที่เราจากไปนั้นก็เพื่อประโยชน์ของท่าน เพราะถ้าเราไม่ไป องค์ผู้ช่วยก็จะไม่เสด็จมาหาพวกท่าน แต่ถ้าเราไปแล้ว เราก็จะใช้พระองค์มาหาท่าน”
— ยอห์น 16:7
“ผู้ช่วย” ที่พระองค์ตรัสถึงคือ พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้า เพราะพระเยซูทรงอยู่ในกายหนึ่งเดียว พระองค์จึงไม่สามารถอยู่ทุกหนทุกแห่งพร้อมกันได้ แต่พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งเป็นหนึ่งในตรีเอกภาพ ทรงเป็นพระวิญญาณ และสามารถสถิตอยู่ทุกหนทุกแห่ง พร้อมด้วยฤทธานุภาพของพระเจ้าอย่างไม่มีขอบเขต
นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมพระเยซูจึงตรัสว่าดีกว่าที่พระองค์จะเสด็จจากไป เพื่อส่งพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้ามาหาเรา
เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่?
เมื่อพิจารณาแล้ว เรื่องการเสด็จสู่สวรรค์ดูเป็นเรื่องอัศจรรย์ที่น่าเหลือเชื่อ พระเยซูเสด็จขึ้นท่ามกลางเมฆและกลับไปยังสวรรค์ โดยไม่มีหลักฐานทางกายภาพนอกจากคำบอกเล่าของบรรดาพยานหลายคนที่อยู่ที่นั่น แต่หากว่าเป็นเพียงเรื่องโกหก เหตุใดเหล่าสาวกจึงยอมสละชีวิตเพื่อความเชื่อนั้น?
และความจริงอีกประการหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือ ศาสนาคริสต์ยังคงเจริญเติบโตและดำรงอยู่อย่างมั่นคง ผ่านการข่มเหงและการตรวจสอบนับพันปี และยังคงเปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนมากมาย เป็นพยานยืนยันถึงความจริงในพระเยซู
แล้วต่อจากนี้ล่ะ?
พระเยซูทรงสัญญาว่าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาอยู่อย่างเดียวดาย ด้วยความไว้วางใจในพระดำรัส พวกเขาจึงรวมตัวกันในห้องและอธิษฐานรอคอย และพวกเขารออยู่ 10 วัน
จนในที่สุด พระวิญญาณบริสุทธิ์เสด็จลงมาสถิตกับพวกเขาทุกคน สมดังพระสัญญา พวกเขามิได้ถูกทิ้งไว้ให้เดียวดายเหมือนลูกกำพร้า
คุณมีข้อสงสัยหรือไม่ว่าพระเยซูเคยมีตัวตนจริงหรือเปล่า? แท้จริงแล้วมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ไม่ได้มาจากคริสเตียนซึ่งยืนยันถึงการดำรงอยู่ของพระองค์
วันเสด็จสู่สวรรค์จัดขึ้นเมื่อใด?
วันเสด็จสู่สวรรค์จัดขึ้นในวันพฤหัสบดีของทุกปี โดยนับจากวันอีสเตอร์ไป 40 วัน และก่อนวันเพ็นเทคอสต์ 10 วัน ในปีต่อ ๆ ไป จะตรงกับวันที่ 29 พฤษภาคม 2025 และ 14 พฤษภาคม 2026
หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมหรือเจาะลึกเรื่องราว คุณสามารถ:
อ่านพระคัมภีร์
เริ่มแผนอ่านพระคัมภีร์
รับชมภาพยนตร์เรื่อง "ชีวิตของพระเยซูคริสต์"
อ่านพระคัมภีร์
อยากรู้เรื่องราวทั้งหมดหรือไม่? เหตุการณ์การเสด็จสู่สวรรค์ของพระเยซูถูกกล่าวถึงสองครั้งในพระคัมภีร์ โดยผู้เขียนคนเดียวกันคือ ลูกา ในพระธรรม ลูกา การเสด็จสู่สวรรค์ถูกกล่าวถึงเพียงสั้น ๆ เพียงประโยคเดียว แต่ในพระธรรมกิจการของอัครทูต มีการบันทึกเหตุการณ์นี้อย่างละเอียด ครบถ้วนทั้งฉากและคำกล่าว หากคุณยังไม่คุ้นเคยกับพระคัมภีร์ นี่คือโอกาสดีที่จะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับหนังสือประวัติศาสตร์เล่มสำคัญ ที่ได้เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ตลอดกาล
เริ่มแผนอ่านพระคัมภีร์
ผ่านแอป YouVersion คุณสามารถเข้าร่วมแผนอ่านพระคัมภีร์เกี่ยวกับวันเสด็จสู่สวรรค์ใน 11 วัน เพื่อเข้าใจความหมายและภูมิหลังของวันนี้มากขึ้น
รับชมภาพยนตร์เรื่อง "ชีวิตของพระเยซูคริสต์"
การเสด็จสู่สวรรค์ถือเป็นบทสรุปของชีวิตอันเต็มไปด้วยเหตุการณ์สำคัญของพระเยซูคริสต์บนโลกนี้ ภาพยนตร์ชีวิตของพระเยซูคริสต์จะพาคุณเดินทางผ่านทั้งช่วงเวลาแห่งความยินดีและความทุกข์ยากในชีวิตของพระเยซู ทำให้คุณได้รู้จักพระองค์และเหล่าสาวกของพระองค์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์การเสด็จสู่สวรรค์ไม่ได้ปรากฏในภาพยนตร์เรื่องนี้ เนื่องจากเนื้อหาของภาพยนตร์อิงจากพระธรรมยอห์น ซึ่งผู้เขียนไม่ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ดังกล่าวในพระธรรมของตน
วันเสด็จสู่สวรรค์คือวันแห่งความอัศจรรย์และความคาดหวัง เป็นทั้งการกล่าวคำอำลาและการเริ่มต้นบทใหม่ หากคุณกำลังอยู่ในช่วงแห่งการรอคอย หรือเพิ่งกล่าวอำลากับบางสิ่งหรือใครสักคน และไม่รู้ว่าควรก้าวต่อไปอย่างไร ขอให้คุณรู้ว่ากับพระเยซูเรื่องราวของคุณยังไม่จบ แม้ในวินาทีที่พระองค์กล่าวอำลา พระองค์ยังคงทรงสัญญาและทรงส่งพระวิญญาณมา พระองค์ไม่เคยละทิ้งผู้ที่รักพระองค์เลย เรื่องราวของพระองค์ยังคงดำเนินต่อไปใน วันเพนเทคอสต์